วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2559

ชาวเขาเผ่าเมี่ยน


ประวัติความเป็นมา(ชาวเขาเผ่าเมี่ยน)

เมี่ยน [เย้า] ได้รับการจัดให้อยู่ในเชื้อชาติ มองโกลอยด์ คืออยู่ในตระกูลจีนธิเบต ได้ปรากฏครั้งแรกในเอกสารบันทึกของจีน สมัยราชวงศ์ถัง โดยปรากฏในชื่อ ม่อ เย้า มีความหมายว่าไม่อยู่ใต้อำนาจของผู้ใด เล่ากันว่า เมื่อประมาณ 2000 กว่าปีมาแล้วบรรพชน ได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ราบรอบทะเลสาปตงถิง แถบแม่น้ำแยงซี ยอมอ่อนน้อมให้ชนชาติผู้ปกครองรัฐ และไม่ยินยอมอยู่ภายใต้การบังคับกดขี่ของรัฐ จึงได้ทำการอพยพเข้าไปในป่าลึกบนภูเขาสูง ได้ตั้งถิ่นฐานสร้างบ้านด้วยมือของเขาเอง เพื่อปกป้องเสรีภาพจึงถูกขนานนามว่า ม่อ เย้า ซึ่ง เหยา ซี เหลียน ได้บันทึกไว้ในเหลียงซูต่อมาในสมัยราชวงศ์ซ่ง คำเรียกนี้ี้ถูกยกเลิกไปเหลือแต่คำว่า "เย้า" เท่านั้น

            ต่อมาคำว่าเย้าเคยปรากฏในเอกสารจีน เมื่อประมาณศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตศักราช ซึ่งมีความหมายว่าป่าเถื่อน หรือคนป่ากล่าวกันว่าในประเทศจีนชนชาติเย้ามีคำเรียกขานชื่อของตนเองแตกต่างกันถึง 28 ชื่อ แต่คนเย้าในประเทศไทย เรียกตัวเองว่า เมี่ยน หรือ อิ้วเมี่ยน ซึ่งมีความหมายว่า มนุษย์ หรือ คนเหยา ซุ่น อัน กล่าวว่าชาวเย้าในประเทศจีนแยกออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ คือ เผ่าเปี้ยน เผ่าปูนู เผ่าฉาซัน และเผ่าผิงตี้ ชาวเย้าเผ่าเปี้ยนมีประชากรมากที่สุดและเป็นกลุ่มที่ย้ายถิ่นฐานตลอดเวลาเป็นระยะทางที่ไกลที่สุด และกระจายกันอยู่ในอาณาบริเวณที่กว้างขวางที่สุดด้วย ภาษาเย้าในปัจจุบัน ผ่านการพัฒนากลายเป็นภาษาถิ่นย่อย 3 ภาษา คือ ภาษาเมี่ยน ภาษาปูนู และภาษาลักจา


นักศึกษาลงพื้นที่สำรวจ ชาวเขาเผ่าเมี่ยน

ชาวเขาเผ่าเมี่ยน อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร

- ปี 28 อยู่ช่องเย็น ตรงลานด้านล่าง ละขึ้นเขา (ทำไร่ข้าวโพด ไร่เลื่อนลอย) อพยพและย้ายที่อยู่มาหลายที่  เชียงราย พะเยาตอนอยู่บนเขามีคนอยู่เยอะหลายร้อยหลังคาเรือน ครอบครัวละ 10 คน และต่อมากรมป่าไม้ให้ลงจากเเนื่องจากทำตัดไม้ทำลายป่า เกรงว่าจะปลูกฝิ่น   และเอามาทำบ้านเรือน ทำไร่ข้าวโพด

 ปี 45 ลงมาจากเขาอยู่ที่ราบในปัจจุบัน

-       หลวงได้จัดสรรที่ทำกิน ครัวเรือนละ 15 ไร่ เพื่อที่จะไม่ต้องไปตัดไม้ทำรายป่า(หลวงดูแลหลังจากลงจากเขา 2 ปีแรก)
-       คนสูงอายุ ไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ ทำให้มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร
-       คนรุ่นใหม่ ส่วนมากคุยภาษาไทย จะมีคุยภาษาเผ่าบ้างเล็กน้อย เว้นคนสูงอายุ จะคุยภาษาเผ่าเป็นส่วนใหญ่

-       สถานที่อพยพตอนแรกจะให้อยู่ชั่วคราว เลยปลูกบ้านชิดกัน แต่กลายเป็นว่าได้อยู่ถาวร มีทั้งหมด 4 หมู่บ้าน บางหลังคาเรือนย้ายเข้าคลองลานไป

อาชีพ

               ารดำรงชีวิตตามปกติของชาวเมี่ยน แล้วอาชีพที่จะเป็่นอาชีพหลัก คือ การประกอบอาชีพแบบไร่เลื่อนลอยเป็นส่วนใหญ่ ทั้งในอตีดและปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันนั้นอาจมีอาชีพหลากหลายเข้ามา เช่น การทำเครื่องเงิน เพราะชาวเมี่ยนนิยมเครื่องประดับที่ทำด้วยเงิน ในหมู่ชนชาวเมี่ยนมีช่างทำเครื่องประดับตามวัฒนธรรม และค่านิยมของชาวเมี่ยนเอง ซึ่งสภาพแวดล้อมทางสังคมอาจทำให้ชาวเมี่ยนเกิดอาชีพอื่น ๆ ขึ้นมา แต่อาชีพหลักของชาวเมี่ยน คือ การทำการเกษตร ชาวเมี่ยนนิยมปลูกพืชต่าง ๆ แค่พออยู่พอกินเท่านั้น ซึ่งถ้าเหลือค่อยนำไปเป็นการค้าต่อไป เมื่อได้ผลผลิตออกมาแล้ว ก็จะทำการเก็บรักษาเอาไว้เพื่อเก็บไว้กินในช่วงฤดูแล้งการเพาะปลูกในระยะ 1ปีแรกชาวเมี่ยนจะไม่นิยมเอาพืชไร่ออกไปขาย

อาชีพเสริมยามว่างจากการทำไร่ (การปักผ้า)

ป้าซิง ฝีมือการปักผ้าอันดับหนึ่งของเผ่า
นั่งปักผ้า ยามว่างจากการทำไร่

การปักผ้าจากด้านหลังของผ้า

            สมัยก่อนเมี่ยนการคมนาคมการค้าขายยังไปไม่ถึงบนดอย ส่วนใหญ่เมี่ยนนิยมใช้สีปักลาย เพียง 5 สีเท่านั้น คือสีแดง สีเหลือง สีน้ำเงินสีเขียวและสีขาวในช่วงสองทศวรรษ ที่ผ่านมานี้เมี่ยนนิยม ปักลายผ้าเพิ่มมากขึ้นและใช้สีต่างๆเพิ่มขึ้นมากอีกด้วยการปักลายและการใช้ สีสันในการปักลายใน แต่ละท้องถิ่นจะแตกต่างกันบ้างตามความนิยมของแต่ละท้องถิ่น การปักลายเสื้อผ้าทุกวัน นี้หญิงเมี่ยน ก็ยังคงแต่งกายตามแบบฉบับที่ระบุไว้ในตำนานได้อย่างเคร่งครัด ผ้าที่เมี่ยนนำมา ปักลายเป็นผ้าทอมือ กล่าวกันว่าเมี่ยนเคยทอผ้าใช้เอง แต่เมื่ออพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทย แล้วค้นพบว่าผ้าทอมือของ ไทลื้อที่มีถิ่นฐานอยู่ในประเทศพม่า และประเทศไทยเหมาะ แก่การปักลายจึงได้ซื้อผ้าทอมือ ของไทลื้อมาย้อมและปักลายจนกลายเป็นความนิยมของเมี่ยนไป


               เสื้อผ้าจากตำนานที่บันทึกไว้ในหนังสือเดินทางข้ามเขตภูเขา [เกีย เซ็น ป๊อง] ที่เมี่ยนได้คัดลอกกันต่อ ๆ มาจนถึงทุกวันนี้ ระบุให้ลูกหลานเมี่ยน ปกปิดร่างกายของผันหู ผู้ให้กำเนิดเมี่ยน โดยใช้เสื้อลายห้าสีคลุมร่าง เข็มขัดรัดเอวผ้าเช็ดหน้าลายดอกไม้ผูกที่หน้าผาก กางเกงลายปิดก้น ผ้าลายสองผืนปิดที่ขา เชื่อกันว่าจากตำนานนี้เองทำให้เมี่ยนใช้เสื้อ ผ้าคาดเอวผ้าโพกศีรษะ และกางเกงที่ปักด้วยห้าสี

                เมี่ยนมีลักษณะการแต่งกาย การใช้สีสัน จะแตกต่างกันบ้างเพียงเล็กน้อย เมื่อแต่งกายตามจารีตประเพณีก็พอจะทราบได้ว่ามีถิ่นฐานอยู่ในท้องที่ใด หรืออยู่ในกลุ่มใด แต่มีบ้างที่กลุ่มที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงกันจะมีการลอกเลียนแบบซึ่งกันและกันบ้างการปักลายเมี่ยนจะจับผ้า และจับเข็มแตกต่างกับเผ่าอื่น ๆ เมี่ยนจะปักผ้าจากด้านหลังผ้าขึ้นมา

                ยังด้านหน้าของผ้าเมี่ยนจึงต้องจับผ้าให้ด้านหน้าคว่ำลง เมื่อปักเสร็จแต่ละแถวแล้วก็จะม้วน และใช้ผ้าห่อไว้อีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกต่าง ๆ การปักลายเสื้อผ้าเพื่อใช้ทำเป็นเครื่องแต่งกาย และของใช้ตามจารีตประเพณี เมี่ยนมีวิธีการปักลาย สี่ แบบคือ การปักลายเส้น [กิ่ว กิ่ว] การปักลายขัด [โฉ่ง เกียม] การปักลายแบบกากบาท [โฉ่ง ทิว] และการปักไขว้ [โฉ่ง ดับ ยับ]

                 การเรียกชื่อลายปัก ในการปักลายสตรีเมี่ยนจะต้องจดจำชื่อ และวิธีการปักลายไปพร้อม กัน สำหรับการปักลายขัด [โฉ่ง เกียม] และลายกากบาท [โฉ่ง ทิว] ส่วนใหญ่จะเป็นลายเก่าที่ชื่อเรียกเหมือนกัน แต่สำหรับลายไขว้ [โฉ่ง ดับ ยับ] นั้น เมี่ยนอาจนำลักษณะเด่นของแต่ละลายปักเดิมมาปรับปรุง หรือปักเพิ่มเติมให้ลายปักใหม่อีกลายหนึ่ง และให้สีสันสวยงามตามใจตนเองชอบ โดยอาจตั้งชื่อใหม่ก็ได้ นอกจากนี้สตรีเมี่ยนบางคนที่มีความเฉลียวฉลาดอาจประดิษฐ์ลายปักใหม่ ขึ้นมาโดยการนำ ส่วนประกอบของลายต่าง มาประกอบเข้าด้วยกัน หรือดัดแปลงเป็นลายปักใหม่แล้วตั้งชื่อเรียกใหม่ แต่โดยทั่วไปแล้วจะเรียกชื่อที่คงลักษณะเด่นของลายเดิม เช่น ลายปักหมวกขององค์ผู้บริสุทธิ์ทั้งสาม [ฟามกุน] เป็นลายที่ปรับปรุงมาจากลายฟามซิง บางครั้งลายปักแบบปักไขว้แต่ละลายนี้มีลายละเอียดแตกต่างกันไป บางหมู่บ้านที่มีขนาดใหญ่ แต่ละกลุ่มอาจเรียกชื่อที่แตกต่างกันด้วย และบ่อยครั้งพบว่าเมี่ยนเรียกชื่ออย่างเดียวกัน แต่เป็นลายปักแตกต่างกันก็มี แต่อย่างไรก็ตามชื่อลายปักที่เมี่ยนเรียกกันจะมีความหมายที่สัมพันธ์ หรือเกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง คือ ความเชื่อ วิธีการปักลาย พืชผลทางการเกษตร
                 ถึงแม้เมี่ยนจะปักลายตามความเชื่อ แต่เมี่ยนไม่ได้ถือว่าลายปักนั้น เป็นเครื่องลางของขลังหรือเป็นของศักดิ์สิทธิ์ การปักลายจึงเน้น ที่ความสวยงามมากกว่าที่จะเป็นเครื่องลางของขลัง นอกจากนี้เมี่ยนยังเชื่อว่ากางเกงของผู้หญิง เป็นของต่ำไม่สมควรที่จะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่อาจเป็นไปได้ที่ว่าเมี่ยนต้องการแสดงให้เห็นว่า เมี่ยนเป็นกลุ่มที่มีความเชื่อในเรื่องเทพยดา

ลายผ้าที่สวยงาม และ ปราณีต
ผ้าปักหนึ่งผืน ใช้เวลาทำ 4 - 5 เดือน
นักศึกษาการตลาดร่วมถ่ายรูปกับชาวเขา

ที่อยู่อาศัย(ลักษณะบ้าน)

              ชาวเมี่ยนนิยมสร้างบ้านที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,000-1,500 เมตร ปัจจุบันชาวเมี่ยนบางกลุ่มอาศัยอยู่พื้นที่ราบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวกในการประกอบอาชีพ และการปกครองของทางราชการ บ้านของเมี่ยนมักหันหลังสู่เนินเขา หากอยู่พื้นราบมักหันหน้าออกสู่ถนน ผังบ้านเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ปลูกคร่อมดินมีห้องนอนแบ่งแยกย่อยเป็นหลาย ๆ ห้องภายในบ้าน พ่อแม่แยกห้องให้ลูกสาวเมื่อเห็นว่าลูกสาวเริ่มเป็นสาวแล้ว ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการเลือกคู่ของหญิงสาวตามประเพณีการเที่ยวสาว มีห้องครัวแยกไปอีกห้องหนึ่ง และมีบริเวณห้องใหญ่เป็นที่โล่งมีแคร่ หรือเตียงไว้นั่งเล่น หรือสำหรับแขกมุมใดมุมหนึ่งของห้อง ในบ้านไม่มีหน้าต่าง แต่มีประตูเข้าออกหลายทาง ประตูที่สำคัญที่สุด คือประตูผี หรือประตูใหญ่ เป็นประตูที่ใช้ติดต่อกับวิญญาณ หรือแสดงการเพิ่ม หรือลดสมาชิกของตระกูล เมื่อมีพิธีศพหรือแต่งงานจะต้องใช้ประตูนี้เป็นทางเข้าและออก
             เวลาปกติ ทุกคนสามารถเดินเข้าออกทางนี้ได้ ประตูจะตรงกันข้ามกับหิ้งผี หรือเมี้ยนเตีย ก่อนสร้างบ้านต้องเอาดวงเกิดของหัวหน้าครอบครัวไปดูว่าประตูผีนี้จะหันหน้าไปทางทิศใด ก็จะตั้งบ้านตามทางที่สอดคล้องกับดวงของผู้นำครอบครัว ครอบครัวส่วนใหญ่เป็นครอบครัวขยาย เมื่อผู้ชายเมี่ยนแต่งงานจะนิยมนำภรรยาของตนมาอยู่กับฝ่ายพ่อแม่ของตนเอง 

         ผู้อาวุโสฝ่ายชายจะเป็นผู้นำครอบครัวและมีอำนาจสูงสุดในบ้าน ยกเว้นเฉพาะในเรื่องงานครัว ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิง ส่วนในเรื่องอื่น ๆ แล้ว ผู้อาวุโสจะเป็นผู้ตัดสิน แต่ก่อนการตัดสินใจมักจะมีการปรึกษาหารือกับสมาชิกในบ้าน คือบุตรชายคนโต และภรรยาก่อน ส่วนการรักษาพยาบาล ดูแลบุตร หรือเจ็บป่วยเล็กน้อยของสมาชิก สตรีเมี่ยนจะมีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรมากกว่าผู้ชาย และปลูกสมุนไพรไว้ใช้เอง ผู้หญิงเมี่ยนจะทำงานหนัก พอมีเวลาว่างก็ปักผ้าสำหรับใช้เอง หรือเป็นรายได้พิเศษ จึงมักจะไม่ค่อยเห็นผู้หญิงเมี่ยนว่างเลย เมี่ยนให้ความนับถือ และสืบเชื้อสายทางฝ่าย โดยลูกจะใช้แซ่ตามพ่อ และวิญญาณบรรพษุรุษของพ่อชาวเมี่ยน มีอิสระในการเลือกคู่ครอง นิยมที่จะแต่งงานกับคนในกลุ่มชาย และหญิงที่ใช้แซ่เดียวกัน แต่อยู่คนละกลุ่มเครือญาติย่อยสามารถแต่งงานได้

เพิ่มคำอธิบายภาพ

เพิ่มคำอธิบายภาพ


วิถีชีวิต ณ ปัจจุบัน

            ชาวเขาเผ่าเมี่ยนได้อพยพลงจากเขา มาใช้ชีวิตอยู่ข้างล่างพื้นราบ ทำให้การใช้ชีวิตเปลี่ยนไป การแต่งกายก็จะแต่งเฉพราะที่มีพิธีสำคัญเท่านั้น ปกติก็จะแต่งกายเหมือนชาวไทยปกติ อาหารการกินส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ผลิตวัตถุเอง ซื้ออาหารตลาดทานทั่วไป
             ภาษาประจำเผ่าก็มีเพียงแต่คนเฒ่าคนแก่ในเผ่าใช้สื่อสารกัน รุ่นลูกรุ่นหลานก็ใช้ภาษาไทยเป็นหลัก การใช้ชีวิตในสังคมยังเป็นที่ต้องได้รับความช่วยเหลือ และการยอมรับจากสังคมอีกมาก สิทธิ์ในการได้รับความช่วยเหลือหรือการบริจาคมักจะมาไม่ค่อยถึงชุมชนชาวเขา จะให้สิทธิ์กับคนไทยก่อนเสมอ และยังคงมีการปักผ้าสืบต่อกันมาจนปัจจุบัน แต่หน้าเสียดายที่คนหนุ่มสาวในชนเผ่าไม่ค่อยมีใครสนใจเรียนรู้หรือสืบต่อวิธีการปักผ้า สักวันนึงวันคงจะหายไปตามกาลเวลา......

     พวกเรานักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎกำแพงเพชร สาขาการตลาด ได้ลงพื้นที่สำรวจชุมชนเชิงวิถีชีวิตไว้เป็นกรณีศึกษา









สถานทีติดต่อ
หมู่ 1 กลุ่ม 1 ต.สักงาม อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร
ป้าอ้วน เบอร์โทร 087-406-8279